รวบรวมไว้อ่านเล่นๆ
โรคกระดูกพรุน
กระดูกในร่างกานเรามีการทำลายและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยขั้นตอนเริ่มจากการกระตุ้นให้เกิดการสลาย, การสลายของกระดูก, การสร้างกระดูกใหม่, การสะสมแร่ธาตุ และภาวะสงบนิ่ง(คือไม่มีทั้งการสร้างและการสลาย) ซึ่งในการสลายกระดูกนั้นใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่การสร้างกระดูกนั้นใช้เวลาถึง 3-4 เดือน ซึ่งจะมีการหมุนเวียนอยู่เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ซ้ำที่กัน โดยทั่วไปการหมุนเวียนให้เป็นกระดูกใหม่ทั้งร่างกายจะใช้เวลา 10 ปี
โรคกระดูกพรุน คือ สภาวะที่ปริมาณเนื้อกระดูกลดน้อยลง ความแข็งแรงของกระดูกจึงลดลง จึงเสี่ยงต่อการหักของกระดูกได้ง่าย โดยทั่วไปจะไม่มีการแสดงอาการแต่อย่างใด จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเป็นโรคกระดูกพรุน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ ล้มและทำให้เกิดการหักของกระดูก หรือมีอาการปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจสังเกตได้จากคนแก่ที่จะมีหลังโก่ง หรือเตี้ยลง ในทางการแพทย์ เราจะตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุนโดยการ เอ็กซเรย์กระดูก, วัดความหนาแน่นของกระดูก, ตรวจค่าแลป หรืออื่นๆ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน เช่น
- ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน เชื่อว่าเกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกจะมีการลดลงของเนื้อกระดูกอย่างมาก
- กินอาหารที่มีแคลเซียมน้อย
- กรรมพันธุ์
- สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กาแฟ(มากกว่า 4 แก้วต่อวัน), ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 1 ลิตรต่อวัน
- ขาดการออกกำลังกายชนิดแบกรับน้ำหนัก
- โรค หรือ ยา บางชนิด
- คนสูงอายุ โดยเชื่อว่าลำไส้อาจดูดซึมได้ลดลง หรือผิวหนังรับวิตามินดีได้น้อยลง
แนวทางการรักษา
- การออกกำลังกายชนิดแบกรับน้ำหนัก จะช่วยเพิ่มเนื้อกระดูกบริเวณที่แบกรับน้ำหนักได้ เช่น วิ่งเหยาะๆ เต้นแอโรบิกแบบมีแรงกระแทก กระโดดเชือก เป็นต้น โดยควรออกอย่างน้อย 3 วันต่ออาทิตย์ โดยครั้งละ 30 นาที
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย นม กุ้งแห้ง กะปิ ผักใบเขียว น้ำเต้าหู้
- เลี่ยงกาแฟ บุหรี่ น้ำอัดลม สุรา
- โดยใช้ยา ซึ่งยามีอยู่หลายชนิด เช่น
- แคลเซียม ซึ่งปริมาณที่ให้ก็แตกต่างตามอายุ
i. เด็กและวัยรุ่น 800-1200 มิลลิกรัมต่อวัน
ii. คนทั่วไป 800
iii. คนท้อง ให้นมบุตร 1500-2000 มก
iv. ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน 1500 มก
v. คนสูงอายุ 1000 มก
- วิตามินดี จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย โดยปกติวิตามินดีสร้างได้จากการถูกแสงแดด ประเทศไทยมีแดดเยอะ ดังนั้น หากคนไทยมีการตากแดดในช่วงเช้าก็จะมีการสร้างวิตามินดีได้เพียงพออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามมีการศึกษาพบว่า สตรีสูงอายุไทย มีความชุกในการขาดวิตามินดีสูง ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากอาหารการกินมีวิตามินดีไม่เพียงพอ, ไม่ค่อยได้ออกแดด และผิวหนังมีความสามารถในการสังเคราะห์วิตามินดีลดลง
- ใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนทดทนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน โดยควรให้ภายใน 3-5 ปีแรก จะได้ผลดีที่สุด
- ฮอร์โมนแคลซิโทนิน
- บิสฟอสฟาเนต
- ฉีดซีเมนต์รักษากระดูก
การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone densitometry)
การที่กระดูกมีการสูญเสียเนื้อกระดูกไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวร ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ ดังนั้นการรักษาและป้องกันแต่เนิ่นๆ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด จึงควรจะต้องมีการตรวจค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงเพื่อที่จะได้ป้องกันและรักษาก่อนที่จะเกิดการหัก โดยวิธีที่นิยมและเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกก็คือ การตรวจวัดโดยใช้เครื่องตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก ซึ่งมีข้อดีคือ ใช้ระยะเวลาสั้น รวดเร็ว ใช้เวลาตรวจ 2-5 นาที การตรวจนี้ใช้แสงเอกซเรย์ที่มีปริมาณน้อยมาก ส่องตามจุดที่ต้องการตรวจ แล้วใช้คอมพิวเตอร์คำนวณหาค่าความหนาแน่นของกระดูก และเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน ได้เป็นค่า T-score ผลที่ได้จะเป็นค่าที่วัดเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานของประชากร
- 0 ถึง -1 แปลว่า ปกติ
- -1 ถึง -2.5 แปลว่า กระดูกบาง
- น้อยกว่า -2.5 แปลว่า กระดูกพรุน
ตัวอย่าง วิธีการอ่านผลตรวจบริเวณกระดูกข้อมือ แนะนำโดยคุณหมอปิยะ (http://drpiya.blogspot.com/2011/07/blog-post_14.html)
อ้างอิง
ที่เขียนมารวบรวม ดัดแปลง คิดเอง ส่วนมากมาจาก ข้อมูลความรู้ของ หมอหมู bloggang http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807
Dana
มิถุนายน 1, 2012 เวลา 12:25 pm
เวลาเต้นแอโรบิกแล้วชอบเจ็บแปล๊บๆ ที่เข่าข้างนึง (จำไม่ได้แล้วว่าข้างไหน) เวลาขึ้นบันได
ต้องทำไงเนี่ยยยยย หยุดเต้นมาพักใหญ่ๆแล้วอ่ะ
yuuchoi
มิถุนายน 5, 2012 เวลา 12:18 pm
วอร์มยืดเส้นสาย ก่อนออกกำลังรึเปล่า วอรมก่อนและหลัง เผื่อช่วย.. เค้าก็เป็นตอนวิ่ง..ต้องหยุด แล้วมาเริ่มใหม่ง่าา